เสียงฝนตกสาดกระหน่ำกระทบหน้าต่างบานใหญ่ที่ถูกปิดเอาไว้ ใบหูเล็กของเด็กวัยถูกป้องปิดด้วยมือเย็นเฉียบของผู้เป็นมารดา เพื่อป้องกันเสียงดังโครมครามจากด้านนอก
กลิ่นหอมจางๆ ของดอกพีโอนีซึ่งเป็นเฉพาะของเด็กน้อยวัยแปดขวบ ถูกห้อมล้อมไปด้วยกลิ่นกุหลาบของแม่ ในวันที่ยังอยู่ภายใต้อ้อมกอดของมารดา ทุกอย่างจะปลอดภัยและไม่ต้องกลัว
เด็กน้อยยังคงนอนตาแป๋วไม่ยอมหลับ ไม่ใช่เพราะถูกเสียงฝนรบกวน แต่เขากำลังรอผู้เป็นพ่อมานอนข้างๆ ด้วยต่างหาก ไม่นานข้างเตียงก็ยวบลง บ่งบอกว่าสิ้นสุดการรอคอย พ่อของเขากลับมานอนกอดสองแม่ลูก หลังจากอาบน้ำเสร็จ
ครอบครัวของพวกเรามีกันอยู่สามคน อบอุ่นเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดเสียงสายฟ้าฟาดผ่ามาโครมใหญ่ จนรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของบ้าน เด็กน้อยในวัยแปดขวบคนนั้น เติบโตมาเป็นเด็กชายวัยสิบสามปีที่ตนนั้นไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองจะเข้มแข็งและกล้าหาญไปกว่าตอนเด็กสักเท่าไร พ่อกับแม่แยกห้องให้แล้ว แต่ในวันที่ฝนตกเขาก็ยังต้องการแม่อยู่ดี
อ้อมกอดของแม่ยังคงอบอุ่นและปลอดภัยไม่เปลี่ยนไป แต่ทว่าครั้งนี้กลิ่นกุหลาบของแม่จะฉุนและแปลกไปเสียหน่อย คล้ายว่าเจ้าตัวกำลังกังวล คนเป็นแม่กอดลูกชายคนเดียวของเธออย่างหวงแหน ราวกับว่าหากคลายแรงเพียงนิดเดียวลูกชายของเธอจะหายไป
กลับกลายเป็นว่าครั้งนี้ดอกพีโอนีจะต้องโอบล้อมกลิ่นกุหลาบเพื่อให้แม่ได้คลายกังวลบ้างแล้ว
ปกติพ่อของเขาไม่เคยกลับดึก และไม่เคยปล่อยให้แม่ต้องรอนาน แต่วันนี้พ่อของเขาไม่ได้กลับมาที่บ้าน จนตอนเช้าก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา
แม่ของเขาไม่ได้ดูกระวนกระวายใจเท่าเมื่อคืน แต่ไม่ถึงกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเหมือนแม่จะรู้แล้วมากกว่า
และในวันนั้นเองเขาเพิ่งได้รับรู้ความรู้สึกของการสูญเสียเป็นครั้งแรก เพราะได้รับข่าวร้ายจากใครบางคนว่าพ่อของเขาเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว โดยคนที่มาส่งข่าวคือตำรวจในชุดเต็มเครื่องแบบสองนาย สาเหตุการตายคือพ่อฆ่าตัวตาย เขานึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าพ่อทำแบบนั้นทำไม รู้แค่ว่าช่วงหลังๆ มานี้พ่อกับแม่ดูเครียดแปลกๆ แต่ท่านทั้งสองไม่เคยปริปากบ่นออกมาให้เขาได้ยินเลยสักครั้ง
แม่ที่ดูเข้มแข็งในตอนแรกถึงกับทรุดตัวลงก่อนจะปล่อยหยาดน้ำตาให้ไหลริน จนเขาต้องเป็นคนกอดปลอบแม่เอาไว้
ไม่มีพ่อก็ไม่เป็นไร อยู่กับแม่แค่สองคนก็ได้ เขาจะดูแลแม่เอง
แต่ไม่นานแม่จากตามพ่อไป ทิ้งเขาไว้เพียงลำพัง
ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นแม่ ไม่ใช่ภาพแม่ที่นอนยิ้มให้อยู่บนเตียง ไม่ใช่ภาพแม่ที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว หรือยืนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน แต่เป็นภาพที่แม่กำลังนอนจมกองเลือดอยู่ที่สวนหลังบ้าน
ใครจะไปรู้กันเล่าว่า เมื่อวานยังมีแม่ แต่วันนี้ไม่มีแล้ว
เด็กน้อยนั่งกอดเข่าอยู่เพียงผู้เดียวข้างเตียงหลังใหญ่ ท่ามกลางความมืดมิดภายในห้อง มือบางปิดหูตัวเองหลังจากที่เมื่อตอนเย็นตนได้ยินเสียงบางอย่างที่คล้ายกับฟ้าร้องดังมาจากทางหลังบ้าน แต่พอวิ่งไปดูกลับพบร่างของหญิงสาวของมารดานอนจมกองเลือด โดยไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เขาในวัยสิบห้าปีที่ไม่ได้พร้อมจะสูญเสียที่พึ่งคนสุดท้ายไป
หยาดน้ำตายังคงไหลริน ทว่ากลับไร้เสียงสะอึกสะอื้นเพราะไม่มีแรงหลงเหลืออีกแล้ว เด็กน้อยร้องจนแทบจะหมดแรง
บานประตูบานใหญ่ถูกเปิดพร้อมแสงสว่างเข้ามาในห้อง เงาของใครบางคนที่ดูสูงใหญ่ทำให้เด็กน้อยกอดเข่าตัวเองแน่นขึ้นไปอีก และพยายามที่จะทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่ร่างนั้นจะก้าวเข้ามาใกล้ช้าๆ แล้วหยุดลงตรงหน้าของเขา
ชายคนนั้นคุกเข่าลง ก่อนจะยื่นมือมาตรงหน้า แก้วตาใสเคลือบไปด้วยหยาดน้ำตาเหลือบมองมันก่อนจะค่อยๆ ไล่ไปสบตากับผู้มาใหม่ ที่จำได้ลางๆ ว่าเคยพบกันมาก่อน
“ไปอยู่กับฉันนะหนู”
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาทางเพศ และความรุนแรง
ไม่เหมาะสมแก่เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
นิยายเรื่องนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสื้อมเสียต่อวิชาชีพใดๆ และไม่มีเจตนาพาดพิงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือชักจูง ชี้นำให้เกิดค่านิยมทางเพศที่ผิดศีลธรรมอันดีงามทางสังคม หรือความรุนแรง
ผู้เขียนแต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น
บุคคลและสถานที่ในเรื่องไม่มีอยู่จริง
เหมาะสำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
เนื้อหาในเรื่องอาจมีคำพูดไม่เหมาะสม คำหยาบคาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558 ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือหรือคัดลอกเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใด เพื่อการเผยแพร่ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์แล้วเท่านั้น
ความคิดเห็น